โลกของเรานั้นอย่างที่ก็รู้กันดีว่ามีดาวบริวาร เพียงแค่ดวงเดียวนั้นก็คือดวงจันทร์นั้นเอง แน่นอนว่าในระบบสุริยะของเรา ประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ต่างๆ มากมาย แต่ก็ใช้ว่าดาวเคราะห์ทุกดวงจะมีจะมีดาวบริวารเป็นของตัวเอง และก็ใช้ว่าดาวเคราะห์นั้น จะสามารถมีดาวบริวารได้เพียงดวงเดียวเหมือนกับโลกของเรา แต่เปล่าเลย ดาวเคราะห์สามารถมีดาวบริวารได้มากกว่าหนึ่งดวง ซึ่งหลายคนก็อาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
เมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว หลายคนก็คงอาจจะสงสัยว่าเรากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ อย่างที่เราก็รู้กันดีว่าเทคโนโลยีต่างๆ เกี่ยวกับกับวิทยาศาสตร์ หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนอกโลกของเรานั้นได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และด้วยเหตุนี้เองมันก็ทำให้เราได้รู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่นอกโลกของเรา และเรื่องที่กำลังจะพูดถึงต่อไปมีชื่อว่า รอยแตกในยูโรปา ในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1979
ยานสำรวดลำหนึ่งขององการนาซ่าได้เดินทางไปยังดาวพฤหัสบดี และมันก็ไม่มีการถ่ายภาพความละเอียดสูงชุดแรกของยูโรบาหนึ่งในดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี และเนื่องจากว่าความหนาแน่น ต่ำมากของมันจึงทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้รับรู้ว่า บนยูโรปานั้นมีน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามระยะห่างระหว่างยูโรปากับบดวงอาทิตย์ที่เป็นดาวฤกษ์ในระบบสุริยะแห่งนี้
ก็มีความไกลประมาณ 5.2 เท่าของโลก นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าน้ำทั้งหมดบนยูโรปานั้นมันจะอยู่ในสถานะที่เป็นน้ำแข็ง เมื่อยานลำดังกล่าวนี้ได้ทำการส่งภาพถ่ายพื้นผิวของยูโรปากลับมายังโลกของเรา และสิ่งที่ได้พบนั้นมันก็ได้ทำให้ชุมชนวิทยาศาสตร์เกิดความประหลาดใจ
ซึ่งภาพถ่ายที่ว่านี้ได้มีการนำแสดงให้เราได้เห็นถึงรอยเส้นที่มีความโดเด่นมากมาย โดยที่ภูมิประเทศของยูโรปานั้น ได้มีการระบุว่าริ้วรอยเหล่านี้มันคือรอยแตกขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในน้ำแข็ง แน่นอนว่าเรื่องต่างๆ หรือว่าภาพถ่ายที่ได้จากการศึกษาสำรวจของยานลำนี้จะต้องมีอะไรที่มากไปกว่าภาพถ่ายของดาวบริวารที่ชื่อว่ายูโรปาอย่างแน่นอน
แต่เพราะว่ายูโรปานั้นมีความโดดเด่นและมีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้น จึงได้รับความสนใจมากกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์นั้นหลายคนมองว่าไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษาก็ได้ แต่เปล่าเลยเรื่องราวเหล่านี้มันเป็นอะไรที่เราควรจะรู้ไว้บ้างก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
ขอขอบคุณ ufabetฝ่ายบริการ ที่ให้การสนับสนุน